วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2551

กระต่าย


กระต่าย จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในวงศ์ Leporidae มีลำตัวขนาดเล็ก ขนปุย หูยาว พบในหลายแห่งของโลก มีสัตว์ 7 สกุลจัดอยู่ในวงศ์ของกระต่าย ที่พบอาศัยตามป่าทั่วไปในประเทศไทยมีชนิดเดียว คือ กระต่ายป่า (Lepus peguensis) ซึ่งมีขนสีน้ำตาล ใต้หางสีขาว ขุดดินเป็นโพรงอาศัย ส่วนที่นำมาเลี้ยงตามบ้าน มีหลายชนิดและหลายสี แต่ที่พบมากจะเป็นสีอ่อนเช่นสีขาว เช่น ชนิด Oryctolagus cuniculus
กระต่ายมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ โดยสามารถใช้ขนาดเป็นเกณฑ์ในการจำแนก ได้แก่ กระต่ายแคระ กระต่ายขนาดเล็ก กระต่ายขนาดกลาง และกระต่ายขนาดใหญ่
กระต่ายแคระ เช่น เนเธอร์แลนด์ดวอฟ โปลิช ดวอฟโอโท เป็นต้น
กระต่ายขนาดเล็ก ได้แก่ ฮอลแลนด์ลอป อเมริกันฟัซซี่ลอป มินิเร็กซ์ ดัทช์ เป็นต้น
กระต่ายขนาดกลาง เช่น ซาติน แคลิฟอร์เนียน นิวซีแลนด์ไวท์ เป็นต้น
กระต่ายขนาดใหญ่ ได้แก่ เฟลมมิชไจแอนท์ เฟร้นช์ลอป อิงลิชลอป เชคเกิร์ตไจแอนท์ เป็นต้น

เชื้อรา


กระต่ายติดเชื้อรา
ฝรั่งจะเรียกว่า Ringworm หรือที่บางคนเรียกว่า ขี้กลาก ขี้เรื้อนนั้น ที่จริงแล้ว เกิดจากเชื้อราค่ะ คำว่า worm ที่แปลว่าหนอน อาจจะทำให้พวกเราสับสนได้ อันที่จริงแล้ว มันไม่ได้เกิดจากหนอนนะ แต่เกิดจากเชื้อราเลยแหละ ที่ชื่อเค้าตั้งว่า RingWorm เนี่ยก็เพราะว่า อาการของโรคนี้ มันจะมีลักษณะการติดเชื้อรา เป็นวงค่ะ
โรคนี้เป็นโรคที่ติดต่อระหว่างกระต่ายด้วยกัน และติดต่อไปยังผู้เลี้ยงได้อีกด้วยนะคะ กระต่ายที่ภูมิคุ้มกันต่ำ จะมีโอกาสติดเชื้อราได้สูงกว่าเชื้อราต้นเหตุ เกิดจากเชื้อรา 2 ชนิด คือ1. Microsporum canis อันนี้เกิดกรณีที่กระต่ายติดมาจาก การสัมผัสกับสุนัข หรือ แมว ที่มีเชื้อนี้แฝงอยู่ 2. Trichophyton mentagrophytes ส่วนใหญ่จะเกิดจากตัวนี้ค่ะบริเวณที่ติดจมูก ส่วนหัว เท้า ขา นิ้วเท้า

ฟันกระต่าย






ฟันยื่นเอียง-โรคกรรมพันธุ์เวลาพูดถึงฟันกระต่าย เพื่อนๆ ก็คงจะนึกถึงฟันบนยาว ๆ 2 คู่ที่มา ชนกันแบบในการ์ตูน ใช่ไหมคะ
แต่จริงๆ แล้ว ฟันกระต่ายจะมีทั้งฟันบน และฟันล่างค่ะ แล้วก็เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์ฟันแทะ ดังนั้นฟันจะงอกยาวออกมาเรื่อยๆ ตลอดชีวิต แต่เมื่อกระต่ายกิน หรือ แทะ ฟันของเค้าก็จะค่อยๆ สึกไปตามธรรมชาติ แต่ว่าในบางกรณีก็มีผิดปกติได้นะคะ อย่างในภาพซึ่งอาจจะเกิดจากการเลี้ยงดูอย่างผิดวิธี เช่นให้อาหารที่มีกากใยไม่มากพอ นอกจากนี้ ยังเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้ด้วยค่ะดังนั้น ห้ามเอากระต่ายที่ฟันผิดปกติมาผสมพันธุ์เด็ดขาด เพราะ รุ่นลูกหลานจะได้รับลักษณะนี้ไปด้วยค่ะ เมื่อกระต่ายเป็นโรคฟันยื่นนี้ ฟันจะผิดรูปทำให้สบกันไม่สนิท ทำให้ฟันงอกยาวออกมา หรือยาวโง๊งที่มเข้าไปในปาก ทำให้กระต่ายไม่สามารถจะกินอาหารได้ ผอมลง และตายได้ในที่สุด
บางครั้งเราอาจจะสังเกตเห็นว่ามีน้ำลายไหลเลอะบริเวณข้างปาก และอาจจะเกิดหนองที่ฟัน และตายได้
ซึ่งการรักษาก็คือ นำไปพบแพทย์ที่ชำนาญเพื่อทำการตัดฟันค่ะ จะช่วยให้กระต่ายกินอาหารได้ ระหว่างนี้เราอาจจะต้องให้อาหารอ่อนจนกว่า ฟันจะยาวออกมาเป็นปกติค่ะ ดูกันอีกทีชัดๆ ค่ะ จะเห็นว่าฟันเอียงยาว เกย

โรคหวัด


เมื่อกระต่ายเป็นหวัดเนื่องจากวันนี้มีเพื่อนท่านหนึ่ง มาถามถึงเรื่องของโรคหวัดในกระต่าย วันนี้ จึงมีเนื้อหาเกี่ยวกับ หวัดในกระต่าย มาฝากเพื่อนๆ ค่ะ
เชื้อโรคตัวดี ที่ทำให้น้องต่ายเป็นหวัดหวัดในกระต่าย จะไม่เหมือนกับในคนค่ะ ตรงที่ หวัดในคนเกิดจาก เชื้อไวรัส แต่ว่า หวัดในกระต่ายนั้น จะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากเชื้อที่มีชื่อว่า Pasteurella multocida และบางทีก็จะเกิดได้จากเชื้ออีก 2 ตัว ค่ะ คือ Bordetella และก็ Staphylococcus แล้วปอดอักเสบเป็นยังไงหากอาการหวัดไม่ได้รับการรักษา หรือ รักษาไม่ดีพอ กระต่ายจะเป็นปอดอักเสบ และ มักจะตายในระยะนี้ โรคปอดอักเสบนี้จะมีอาการอักเสบของเนื้อเยื่อปอด ทำให้ เลือดได้รับ ออกซิเจนลดลง และทำให้น้ำหนักลด และ ขนจะหยาบขึ้น กระต่ายอาจมีอาการหัวเอียงไปข้างหลัง หรืออ้าปากหายใจแรง

กระต่ายป่วยหรือเปล่า


กระต่ายป่วยหรือเปล่า จะรู้ได้ยังไง
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับธรรมชาติของกระต่ายกันก่อนดีกว่า เนอะ เพราะว่า เมื่ออยู่ตามธรรมชาตินั้น กระต่ายไม่มีเขี้ยวเล็บไปต่อสู้ป้องกันตัวกับใคร และกระต่ายมีผุ้ล่าอยู่มากมายเต็มไปหมด ดังนั้น ด้วยสัญชาตญาณทางธรรมชาติ จึงทำให้กระต่ายเก็บอาการเจ็บป่วยไว้ เพื่อไม่ให้เป็นเป้าโจมตีของผู้ล่าต่างๆ แต่ว่า ก็ทำให้เราที่เป้นผู้เลี้ยงดูได้ยากเช่นกัน ว่ากระต่ายป่วยอยู่หรือเปล่า กว่าจะรู้อีกที ก็สายเกินเยียวยาแล้วก็มี เพราะว่า กระต่ายจะไม่ร้องพร่ำเพรื่อ และ อาการที่กดเก็บเอาไว้นั้น จะแสดงออกมาให้เห็นก็ต่อเมื่ออาการป่วยรุนแรง จนกระต่ายเองไม่สามารถจะซ่อนอาการไว้ได้อีกแล้ว นั่นก็คือ สายเกินไปค่ะ
เพราะแบบนี้แหละ เพื่อนๆ จึงควรจะหมั่นให้ความสนใจกับกระต่ายให้มากๆ และควรตรวจดูกระต่ายทุกๆวัน ว่ามีอาการอะไรผิดปกติหรือไม่
ทีนี้ก็คงเกิดคำถามแล้วใช่ม๊า ว่าดูอย่างไร
1. วิธีดูง่ายๆก็คือ กระต่ายจะซึมค่ะ ไม่เดินมาหาเหมือนทุกที นอนอยู่มุมกรง ไม่กินอาหาร2. อึของกระต่าย ตรวจดูว่า อึเหลวหรือไม่ หรือว่า ไม่มีอึเลยหรือเปล่าหากไม่มีอึเลยในกรง หรืออึน้อยผิดปกติ มีโอกาสสูงนะคะ ที่กระต่ายอาจจะเกิดการอุดตันในทางเดินอาหาร ซึ่งอึของกระต่ายบอกอะไรได้หลายๆอย่างเลยทีเดียว หากอึของกระต่ายมีขนาดเล็กลง หรือว่า มีสิ่งแปลกปลอมผสมอยู่ เช่น มีขนติดกับก้อนอึมากๆ เราควรจะต้องระวังให้ดีเลยค่ะ อาจจะพาไปให้หมอ เอ็กซเรย์ดูก็ได้ค่ะ ว่ามีการอุดตันหรือไม่3. ตัวร้อนค่ะเราจะวัดอุณหูมิร่างกายของกระต่ายตรงหูนะคะ หากว่า หูของกระต่ายร้อนผิดกว่าทุกที แปลว่า ไม่สบายค่ะ (ลองเทีบกับหูกระต่ายตัวอื่นๆที่เลี้ยงก็ได้ค่ะ) ส่วนหากหูเย็นผิดปกติ แปลว่า อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลงมากๆ ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณบอกถึงอาการเจ็บป่วยได้นะคะ4. หายใจลำบาก หายใจมีเสียงดังฟึ่ดๆ ผิดปกติ แปลว่า อาจจะเกิดอาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจค่ะ หรือไม่อาจจะเกิดจากการแพ้อะไรบางอย่าง เช่น ขี้เลื่อยปูพื้นกรงที่ใช้อยู่5. น้ำตาไหลอาจจะเกิดจากตาอักเสบ หรือมีการติดเชื้อที่ตาเป็นต้น6. คอเอียง เป็นไปได้ค่ะ ว่าอาจจะตกจากที่สูง หรือไม่ก็เกิดการอักเสบในช่องหู หรือไม่ก็ติดเชื้อจากอาการหวัด แล้วลามเข้าสู่หูชั้นใน อันนี้อันตรายมากนะคะ7. ขาแป หรือแบะออก บางครั้งอาการนี้ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิดนะคะ แต่เกิดจากการเลี้ยงกระต่ายบนพื้นผิวที่ลื่นมากตลอดเวลา หากกระต่ายเริ่มมีอาการแบบนี้ ควรจะเปลี่ยนให้ไปอยู่ตรงพื้นที่ไม่ใช่ผิวเรียบค่ะ8. มีน้ำไหลออกมาเลอะตรงคาง หรือว่า ทำท่าอยากอาหารแต่กินอาหารไม่ได้อันนี้สำคัญค่ะ เป็นไปได้ว่า กระต่ายมีปัญหาที่ฟัน เช่น ฟันยาว ฟันเอียง ทำให้ควบคุมน้ำลายไม่ได้ และกินอาหารไม่ได้ หรือบางรายอาจจะติดเชิ้อลงไปที่กรามอีกด้วย หากกระต่ายฟันผิดปกติควรจะพาไปหาหมอนะคะ เพราะว่า ไม่อย่างนั้นกระต่ายจะกินไม่ได้และตายในที่สุด อันที่จริงเราควรจะหมั่นตรวจฟันอยู่เรื่อยๆนะคะ เพราะว่า หากเราพบว่ากระต่ายฟันยาว หรือเอียงผิดปกติแต่เนิ่นๆ แล้วกระต่ายได้รับการตัดฟัน และดูแลอย่างดี ฟันก็อาจจะเข้าสู่รูปเดิมได้ แต่หากไม่ได้รับการรักษาเร็วพอ ฟันของกระต่ายจะยิ่งเกยกัน และเบี้ยวเสียรูปมากยิ่งขึ้น ทำให้ยิ่งรักษาได้ยากค่ะ นอกจากนี้อาการน้ำลายไหลออกมา อาจจะบ่งบอกถึงการกินพืช หรือสารเคมีที่มีพิษเข้าไปอีกด้วยค่ะ9. ฉี่เป็นเลือด กระต่ายที่ฉี่เป็นเลือดนั้น มีน้อยมากๆ ส่วนใหญ่พอเอาเข้าจริงๆ กลายเป็นสีในพืชที่กระต่ายกินเข้าไปค่ะ ไม่ได้เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยเลย แม้แต่นิดเดียวปกติแล้วฉี่ของกระต่ายจะมีสีเหลืองอ่อนๆ การที่ฉี่เป็นสีแดงนั้น จะเกิดจากฉี่มีสีค่อยๆเข้มขึ้นค่ะ จาก สีเหลืองอ่อน ไปเป็นเหลืองเข้ม แล้วเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นสีส้ม สีแดง ส่วนใหญ่เกิดจาก การกินผักที่มีเบต้าแคโรทีนมากๆ อย่างเช่น พวกแครอท เป็นต้น ในกรณีที่กินยาปฏิชิวนะก็มีผลค่ะ หรือบางครั้ง การกินน้ำน้อยก็มีส่วน เพราะว่าฉี่เข้มข้นขึ้น ทำให้มีสีเข้มขึ้น
ตามปกติแล้ว ภายในไม่เกิน 3 วัน กระต่ายจะฉี่เป็นสีเดิมค่ะ
10 หวัดกระต่ายจะมีอาการน้ำมูกไหล และ จาม แต่บางทีคนมักจะสับสนกับอาการที่อาจจะเกิดจากฝุ่น หรือ น้ำเข้าจมูก ดังนั้นเมื่อกระต่ายมีอาการจามเหมือนคน หรือมีน้ำมูกไหล วิธีตรวจง่ายๆ ว่าเป็นหวัดหรือไม่ โดย ให้ลองตรวจที่เท้าหน้าของกระต่าย ถ้าหากพบว่า ขนติดกัน หรือ บริเวณนั้นเปียก แล้วล่ะก็ เดาได้เลยค่ะ ว่าเป็นหวัด เพราะว่ากระต่ายจะใช้เท้าหน้าในการถูจมูกน้ำมูกค่ะ ตอนแรกน้ำมูกจะใสก่อน ต่อมาจะขุ่น และหากไม่ได้รับการรักษา อาการจะลุกลามไปกลายเป็น ปอดอักเสบ และเสียชีวิตในที่สุด11. เชื้อรา จะเริ่มจากการติดเชื้อรานี้ ที่ส่วนหัว และ แพร่กระจายไปยังขา และเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณนิ้วเท้า หลังจากนั้น กระต่ายจะเริ่มมีแผลเกิดขึ้นตรงจุดที่ติดเชื้อรา และ โดยการติดเชื้อราจะมีขอบเขต เป็นวง และผิวหนังจะมีการระคายเคือง อาจจะมีอาการคัน และ เกิดสะเก็ดเป็นแผ่นแข็ง และขนร่วง เนื้อเยื่อทีอยู่ใต้สะเก็ดมักจะ มีอาการอักเสบ และ มีการแตกปริของผิวหนัง ค่ะ12 Ear Mite หรือ เรียกว่า ปรสิตที่อยู่ตรงรูหูค่ะลองกลับไปส่องดูในรูหูกระต่ายดูนะคะ ว่ามีก้อนคล้ายๆกับขี้ผึ้งสีน้ำตาลเข้มๆ เกาะอยู่ที่ในใบหูของกระต่าย

อาการที่ต้องรีบหาหมอ


หากกระต่ายมีอาการเหล่านี้ ควรพาไปหาหมอโดยเร็วที่สุด หาหมอทันที รอช้าไม่ได้ค่ะ1. กระต่ายหายใจลำบากกระต่ายมีอาการหายใจผิดปกติ ติดขัด และหาก ริมฝีปาก และลิ้นเป็นสีม่วง แปลว่า เริ่มขาดออกซิเจน ให้รีบพาไปหาหมอโดยด่วนที่สุด 2. กระต่ายถ่ายเป็นน้ำ (ท้องเสีย)หากการะต่ายถ่ายเป็นน้ำ เป็นมูก ต้องรีบพาไปหาหมอโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะลูกกระต่ายที่ยังไม่หย่านมดี หรือ ที่เพิ่งหย่านมไม่นาน หากไม่ได้รับการรักษา จากแพทย์ทันท่วงที กระต่ายจะอาการทรุด และเสียชีวิตอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเสียน้ำในร่างกาย 3 กระต่ายเลือดไหลไม่หยุด หรือ โดนกัดได้รับบาดเจ็บเช่นจากสุนัข แมว หรือ หนูบ้าน ให้รีบส่งแพทย์ด่วน4. กระดูกหัก เช่นการทำกระต่ายตกจากที่สูง หรือ การอุ้มไม่ถูกวิธี แล้วกระต่ายดิ้น อาจจะทำให้กระดูกสันหลังเคลื่อน หรือที่เรียกว่า กระดูกหลังหัก ซึ่งการที่กระต่ายตกจากที่สูงนั้นกระต่ายอาจจะมีการบาดเจ็บ�� ายในด้วย 5. ซึม ตัวเย็นกระต่ายที่ป่วยมากๆ มักจะซึม หรืออาจจะมีอาการช็อก บางครั้งนอกจากปากม่วงแล้ว หากเราแตะที่หู จะเห็นว่า หูเย็นผิดปกติ และมักจะซุกตัวอยู่มุมกรง ตาหรี่ และอาจจะมีการกัดฟันแน่นด้วยหากมีการเจ็บปวด
6. ไม่ยอมกินหากกระต่ายไม่ยอมกินอาหารถือว่า ผิดปกติ หากตรวจฟันแล้วพบว่าไม่ได้เกิดจากฟันยาว หรือเอียงผิดปกติแล้วล่ะก็ กระต่ายอาจจะเกิดอาการ ที่เรียกว่า "GI Statsis" หรือ ระบบทางเดินอาหารหยุดทำงาน ให้ตรวจดูว่า อึเล็กลงผิดปกติหรือไม่ หรืออึมีเส้นขนปนอยู่หรือไม่ หากกระต่ายไม่กินอาหารเลย ต้องรีบพาไปหาหมอโดยด่วน

กระต่าย


เพื่อนๆ คงจะเคยดูหนังสารคดี เมื่อสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งในฝูงบาดเจ็บหรือป่วย แล้วเมื่อผู้ล่าอย่างเช่น สุนัขจิ้งจอก หรืออะไรก็ตาม ออกล่าเหยื่อ ผู้ล่าเหล่านั้นก็จะเล่นงาน หรือ โจมตีสัตว์ที่บาดเจ็บหรือป่วยก่อนและด้วยเหตุนี้ ด้วยสัญชาตญาณที่ธรรมชาติสร้างมากระต่ายซึ่งเป็นเหยื่อที่ถูกล่าตามธรรมชาติ จึงมักไม่ค่อยยอมแสดงอาการป่วยออกมาให้เห็น จนกระทั่งป่วยหนักๆจริงๆ จนเก็บอาการไม่อยู่
เจ้าของจึงจะค่อยสังเกตเห็นว่ากระต่ายป่วย และมักจะสายเกินแก้เสียแล้ว ดังนั้น เราควรมีเวลาอยู่กับกระต่ายทุกๆวัน อย่างน้อยที่สุดวันไหน หากไม่ว่างจริงๆ เราควรจะเดินไปสังเกตกระต่ายซักครู่ก็ยังดี ว่าป่วยหรือไม่ หากใครเคยเลี้ยงสุนัขแล้วจะเอามาเปรียบเทียบกับกระต่ายก็คงจะไม่ได้เช่นกัน เพราะว่า สุนัขไม่ได้เป็นเหยื่อตามธรรมชาติเหมือนกับกระต่าย เมื่อมีอาการเจ็บป่วยอาจจะร้องออกมา มีการแสดงออกที่เห็นได้ชัดเจนว่าไม่สบายแล้วนะเจ้านาย แต่สำหรับกระต่ายนั้นไม่ใช่ สำหรับกระต่ายนั้นแม้ว่าจะป่วยหนัก กระต่ายก็จะแค่ “นิ่งและซึม” เท่านั้นเอง แม้กระทั่งใกล้จะตายก็ตาม และเนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็ก หากมีการป่วยอาการจะทรุดหนักได้เร็วมาก นอกจากนี้ เราควรจะมีเบอร์โทรของสัตวแพทย์ที่ความเชี่ยวชาญในสัตว์เล็กติดไว้ข้างกรง หากเกิดเหตุฉุกเฉินอย่ารีรอที่จะโทรไปขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ เพื่อให้สามารถประคับประคองกระต่ายให้ปลอด�� ัยได้มากที่สุดจนกว่าจะถึงมือแพทย์ และเบอร์เหล่านี้ ควรจะหาได้ทันทีค่ะ